หลายคนชอบที่จะพูดว่าความสุขของเรานั้นหายไปมันหายไปจริงหรือ แล้วมันหายไปได้อย่างไรใครขโมยไปหรือจริงๆแล้วเราเองที่ทำมันหล่นหายไปหรือเปล่า แล้วจะนำมันกลับมาได้อย่างไร ในความจริงเราไม่ได้ทิ้งความสุขไป แต่เราปิดกั้นความสุขในตัวที่เราขังมันไว้ต่างหาก อย่างเช่น คนที่ชอบการออกกำลังกาย แต่ดันไปให้ความสนใจโลกโซเชียลมากกว่า จริงๆ แล้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย ถ้าเราเอาเวลาส่วนนั้นไปออกกำลังกายก็จะเกิดความสุขกับเรามากกว่า ลองคิดพิจารณาดูว่าจริงหรือไม่
เราเอาเวลาส่วนใหญ่ไปสนใจเรื่องของคนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเราเลย ไปสนใจเรื่องที่เขาโกหกและอวดกัน จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ แต่ที่แน่ๆคนที่โพสเฟสบุ๊คเหล่านั้น อาจจะมีสิ่งที่แฝงอยู่ในเรื่องที่โพสก็ได้ หลายๆ คนก็อวดหุ่นดี ผิวสวยพอคนเริ่มสนใจก็ชวนซื้อสินค้ากันไป ไม่ผิดแต่ถ้าเราไม่ได้สนใจตรงนั้น ก็ข้ามไปได้เลยหันหลังกลับแล้วมาถามตัวเองดีกว่าว่าเราควรจะต้องตามหาอะไรกันดี เปิดประตูหัวใจแล้วถามว่ากับตัวเองว่า ความสุขเราอยู่ข้างในไหม คำถามนี้น่าจะดีที่สุด แล้วลองใช้เวลากับตัวเราดูว่าสิ่งไหนบ้างที่เราสามารถให้ความสุขกับตัวเราเองในทุกวันได้ แต่ถ้ายังคิดไม่ออกก็ลองมาดูว่าหัวข้อเหล่านี้จะเป็นตัวตอบคำถามให้กับเราได้หรือไม่ คำตอบเหล่านี้ใช่ไหมที่เราตามหากันอยู่
5 ความสุขที่เราสามารถหาได้ในทุกวัน
1.กิน
การกินเราทุกคนจำเป็นต้องกินวันละอย่างน้อย 3 มื้อ และแต่ละมื้อเราสามารถที่จะหาความสุขจากมันได้ไหม อาจจะไม่ใช่เรื่องของราคาอาหารที่แพงแสนแพงแต่อาจจะเป็นเรื่องของการเลือกรับประทานอาหารที่เพิ่มความสุขให้กับเราได้ อย่างเช่นมื้อเย็นที่เราจะมีเวลาหลังเลิกงานก็เลือกร้านที่ตอบโจทย์ให้กับเราสักหน่อย โจทย์เรื่องอะไร ก็ลองดูกระเป๋าว่ามีงบเท่าไหร่ เวลาเท่าไหร่ ใครไปเป็นเพื่อนเราบ้าง หรืออาจจะมีโจทย์อื่นๆ ก็ลองพิจารณาดู
2.ห้องน้ำ
ในหนึ่งวันอย่างน้อยเราก็ต้องเข้าห้องน้ำอย่างน้อย 2 ครั้งคือการอาบน้ำเช้าและเย็น (หลายคนอาจไม่อาบน้ำตอนเช้าสิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปลุกความสดชื่นในตัวเอง เริ่มหัดได้ยังไม่สายจนเกินไป) เราจะใช้เวลากับตัวเราเองได้อย่างเต็มที่ ยิ่งตอนนี้มีโทรศัพท์มือถือที่สามารถตอบโจทย์เราได้ทั้ง ดูหนังฟังเพลง เปิดเพลงดังๆแล้วก็ร้องเพลงอาบน้ำไปด้วย แค่นี้ก็เปิดเวลาให้กับความสุขแล้ว ที่สำคัญเวลานี้อย่าเพิ่งไปคิดทำสิ่งใด ให้เวลากับตนเองสัก 10 นาที ความสุขนี้มีพลังที่ทำให้เราสามารถทำทุกสิ่งอย่างได้สำเร็จในระหว่างวันได้
3.บอกรัก
ถ้าเรามีเพื่อนสนิทก็อาจจะใช้คำบอกรักเป็นการพูดคุยกันเรื่องต่างๆ แต่ถ้ามีคนรักแล้วก็ใช้คำบอกรักได้เลย เช่น คำถามเชิงความเป็นห่วง “วันนี้เป็นอย่างไรเหนื่อยไหม ไหวหรือเปล่า” คำเหล่านี้เป็นคำง่ายๆที่ให้กำลังบอกว่าเราเป็นห่วงและรักเขามากขนาดไหน ถ้าเขาตอบมาอย่างไรก็แล้วแต่ให้ตอบกลับไปว่า “สู้ๆนะ รักมาก” แค่นี้คนที่ฟังก็จะมีพลังเหมือนได้ชาร์ตไฟเต็มเปี่ยมและคนพูดก็จะได้รับพลังสะท้อนมาเช่นกัน
4.อ่านหนังสือ
เราอาจจะใช้เวลาในการอ่านหนังสือสักบทเป็นบทสั้นๆสัก 10 นาที เรื่องนี้ไม่ได้ยากเลย อาจจะอ่านจากบทความที่เป็นประโยชน์สำหรับเรา ให้บทความเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจทุกสิ่งอย่างที่เราสามารถที่จะพัฒนาต่อไปได้ อย่าไปอ่านเรื่องที่ทำให้หัวใจห่อเหี่ยว เว้นได้ให้เว้นไว้ก่อน และควรเสพข่าวที่ไม่สร้างสรรค์แค่เพียงพอเข้าใจแต่อย่าไปจริงจังกับข่าวเหล่านี้มากนักเพราะนั้นคือพลังลบ มันจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีตลอดทั้งวัน
5.นอน
การนอนจัดเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการมากที่สุด และถ้าดูข้อ 4 ให้ดี เราเลือกอ่านบทความสวยๆ สักนิดให้เวลากับอ่านบทความดีๆ สัก 10 นาทีเราก็จะหลับพักผ่อนได้อย่างสบายๆ เราไม่ควรนอนดึกจนเกินไป ตั้งเวลาการนอนให้เป็นเรื่องปกติ อย่างเช่นถ้าเราไม่สามารถเลี่ยงการนอนหลังเที่ยงคืนได้ ก็ให้ค่อยๆ เริ่มทำไม่ควรทำทันที เพราะร่างกายจะมีการปรับตัวไม่ทัน ทำให้การนอนหลับไม่สามารถนอนหลับได้สนิท และถ้าช่วงเวลากลางวันเราสามารถที่จะพักสายตาหรือหลับได้สัก 10 นาทีก็ควรทำ พักสายตาให้สมองโล่งโปร่ง หลังจากที่เราลืมตาตื่นพร้อมที่จะทำงานในช่วงบ่ายก็จะมีแรงทำงานและผลงานก็จะออกมาดีด้วยเช่นกัน
ความสุขรอให้คุณเปิดประตูเพราะมันถูกขังไว้รอแค่คุณเปิดประตูให้มันออกมาทำหน้าที่ของมันแค่เพียงเท่านั้น ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจเราเป็นคนกำหนด หลายคนบอกว่ามีความสุขที่มีแฟนหลายคน ตรงนั้นอาจจะเป็นเรื่องของความสนุกมากกว่า คำว่าความสุข เพราะความสุขที่แท้จริงต้องเป็นความสุขที่ สุขทั้งตัวเราเองและสุขทั้งคนรอบข้าง เหมือนกันถ้าเราสามารถทำให้เสียงหัวเราะของเรา ไปสั่นสะเทือนความรู้สึกของคนใกล้ตัวได้ ทำให้ต่อมของความสุขเขามีแรงสั่น แล้วก็มีรอยยิ้มแห่งความสุขออกมานั้นคือความสุขที่แท้จริง เปิดประตูแห่งความสุข ณ ตอนนี้ได้แล้วอย่ารอช้าเพราะความสุขบางอย่างมันก็มีเวลาของมัน ช้าไปอาจจะจางหายได้เช่นกัน